วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ขี่ลุยฝน อย่างไรให้ไม่หมดสนุก


หน้าฝนไม่ถึงก็จวน พายุฤดูร้อนโหมกระหน่ำมาเตือนเป็นระลอกๆว่ใกล้เข่าสู่ช่วง"นอกฤดูกาล" หรือ off season สำหรับนักปั่นหลายๆคน แต่ฝนไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ความสนุกของจักรยานหมดไป หรือเป็นอุปสรรคต่อการออกปั่นทิ้งให้จักรยานคันเก่งฝุ่นจับอยู่กับบ้าน ลองมาเอาทริคและข้อควรระวังต่างๆไม่กี่ข้อนี้ไปใช้ หน้าฝนก็ยังคงปั่นได้อย่างแน่นอน ขี่ลุยฝน อย่างไรให้ไม่หมดสนุก

1.หาข้อดีของฝน
มันเปียก เฉอะแฉะ ถนนเจิ่งนอง มองไม่เห็นทาง รถสาดน้ำใส่ ถ้ามองว่าน้องฝนเรามีแต่ปัญหาก็จะไม่อยากออกไปปั่นจักรยาน ลองคิดถึงข้อดีที่น้องฝนโปรยลงมาบ้างเหมือนกับวลี"คิดบวก"อย่างเช่น อากาศเย็นกว่าปกติไม่โดนแดดเผา อัตราการเสียน้ำลดลง อัตราชีพจรลดลงในการออกแรงเท่าเดิม เท่ากับว่าร่างกายได้ซ้อมถึงพริกถึงขิงได้ง่ายๆ ยังไม่นับว่าฝนทำให้ถนนบางเส้นโล่งสบายไม่มีคนกวนใจปั่นได้เต็มที่ ผมเชื่อว่าต้องมีคนเคยคิดแน่ๆล่ะว่า "เปียกก็ดีกว่าร้อน"

2.เตรียมรถให้ปลอดภัยในหน้าฝน
ฝนและถนนเปียกๆส่งผลต่อการขับขี่อย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งต่างๆที่ควรเตรยมเซ็ทหรือเช็คให้พร้อมใช้งานในหน้าฝนก็ไม่ต่างอะไรกับรถยนต์นัก อาทิเช่นระบบเบรคที่ควรทำงานได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มล้อคาร์บอน ลองตรวจสอบผ้าเบรคดูว่าผ่านมากี่พันกิโลเมตร ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วหรือยังนะ ลองตรวจสอบจุดหมุนและแบริ่งต่างๆดูว่ายังเหลือจารบีอยู๋หรือไม่ เพราะจารบีต่างๆช่วยป้องกันหรือลดน้ำที่จะเข้าไปข้างในระบบได้ จุดหมุนแห้งสนิทอาจดูลื่น แต่เมื่อเจอกับฝนเข้าไปแห้งเมื่อไหร่ทิ้งไว้สิ่งที่ตามมาคือสนิมที่จะพาเอาความเสียหายมาด้วยนั่นเอง อย่าลืมตรวจเช็คยางนอกและทุกครั้งที่ขี่จัรกยานบนถนนเปียกลองกดเอาลมออกจากยางเสียหน่อยเพื่อให้ยางมีผิวสัมผัสกับพื้นมากขึ้น แม้แต่หาบังโคลนมาติดซะก็ไม่ได้ทำให้รถหมดความซิ่งลงไป เพราะสมัยนี้โปรเองก็ซ้อมกันแบบมีบังโคลนติดแล้วในฤดูที่ฝนตกทุกวัน ที่สำคัญอย่าลืมไฟหน้าไฟท้าย ถึงจะไม่ได้ช่วยให้มองเห็นทางแต่ช่วยให้คนอื่นมองเห็นเราได้งา่ยในกรณีฝนตกหนักจนทัศนวิสัยลดลง

3.ขี่ให้ปลอดภัยกว่าปกติ
ถนนเปียก ถนนลื่น เบรคลื่น ดังนั้นการห้ามล้อหรือควบคุมรถก็ทำได้ยากขึ้น ข้อระวังแรกของการขี่จักรยานคือเลือกใช้ความเร็วที่เมหาะสม อย่าเร็วเกินไปในที่ๆเสี่ยง อย่าลุยลงไปในน้ำลึกเพราะคงไม่อยากเสี่ยงเจอหลุมหรือฝาท่อที่จมอยู่ เข้าโค้งด้วยความเร็วที่มั่นใจเท่านั้นอย่าดื้อกับความมันส์ หากขี่กันเป็นกลุ่ม พยายามทำตัวเองให้นิ่งที่สุดและมีพฤติกรรมที่คาดเดาได้เพื่อให้เพื่อนที่ขี่ด้วยไม่ต้องมาลุ้นว่าจะต้องเบรคจึ๊กหรือหลบท้ายสะบัดหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เผื่อระยะปลอดภัยมากกว่าปกติเสมอ และคิดเสมอว่าโอกาสเกิดเหตุไม่คาดฝันมากกว่าเดิม ดังนั้นพยายามสื่อสารกันมากกว่าปกติ

4.แต่งตัวให้เหมาะสม
เสื้อกันฝนหรือแจ็คเก็ทกันลมสำหรับจักรยานเลือกที่เนื้อผ้าบางเบาและไม่ยาวจนคลุมลงมาที่ล้อจนโดนล้อเกี่ยวพันเข้าไปได้ ใช้เสื้อผ้าที่มีสีสดใส อย่ามัวแต่กลัวจะไม่แฟชั่นใส่ชุดปั่นสีดำทันสมัยนิยมแต่โดนรถสอยไปกินเพราะเค้ามองไม่เห็นเรา ถ้ารู้ว่าจะไปขึ้นเขาสูงที่อากาศหน้าวอย่าลืมเผื่อเสื้อกันลมไปด้วย ที่สำคัญของเล็กๆน้อยๆบางอย่างช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมากเช่นแว่นตาแบบใสหรือเลนส์สีอ่อนช่วยกันเม็ดฝนเข้าตา หมวกแก็ปจักรยาน(ที่ใส่กันเอาแฟชั่น)ช่วยลดเม็ดฝนที่เข้าตาและหน้าได้เวลาขี่เร็วๆ แม้แต่การพกผ้าซับน้ำดีๆไปซักผืนก็สะดวกสบายขึ้นเวลาต้องคอยเช็ดแว่นที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ อย่าลืมนะครับว่าเราไม่มีที่ปัดน้ำฝน

5.เช็ครถและดูแลบ่อยๆ
น้ำกับกลไกมันไม่ได้เป็นของคู่กัน หมั่นล้างรถและทำความสะอาดบำรุงรักษาจุดหมุนต่างๆบ่อยกว่าปกติ ยิ่งขี่ตักรยานตากฝนบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งต้อหมั่นดูแลจักรยานมากเท่านั้น อย่างน้อยๆควรล้างจักรยานทุกครั้งหลังปั่น อย่าคิดว่าน้องฝนล้างให้แล้ว เพราะเศษดิน เศษฝุ่นที่เกาะตามเฟรมและจุดหมุนต่างๆมันคอยขีดข่วยให้เฟรมงามๆต้องมีรอย หรือแม้แต่เข้าไปฝังตัวอยู่กับจุดหมุนและทำความเสียหายได้ในระยะยาว หากจะใส่จารบีลองเลือกจารบีที่มีความหนืดกว่าปกติ แน่นอนครับว่าล้อและจุดหมุนคงไม่ลื่นปรื๊ด แต่สำหรับเราๆที่ไม่ได้มีของใช้ฟรีมันช่วยยืดอายุได้มากในหน้าฝน หลังผ่านหน้าฝนไปควรตรวจสอบจุดหมุนทั้งหมดและทำการดูแลยกเครื่องทุกชิ้น

ประเทศไทยเราถือว่าอยู่ในเขตุร้อนชื้น ฝนตกชุก โดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้ที่ฝนตกมากกว่าครึ่งปี ...อย่าทำให้ฝนเป็นอุปสรรคต่อการออกมาปั่นจักรยานให้สุขภาพดีและมีร่างกายแข็งแรง ลองหาของเล่นเป้นชุดจักรยานแบบหน้าฝน จะเป็นแจ็คเก็ทซักตัว หรือเสื้อกันลมหล่อๆเข้ารูปพอดีตัวแบบโปร ใส่ถุงมือ หมวกแก็ป ให้แลเผินๆคล้ายโปรจักรยานฝรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ไม่เลวนะครับ อย่างน้อยก็ทำให้เราอยากออกมาปั่นจักรยานบ่อยกว่าเดิม

หาเพื่อนซ้อมจักรยานมีดี 5 ข้อ

การมีเพื่อนร่วมปั่นจักรยานย่อมดีและช่วยให้การปั่นจจักรยานสนุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการท้าทายหรือคลายเหงา หากเจอเพื่อนถูกใจมีนิสัยการปั่นถูกคอกัน การเดินทางไปร่วมกันย่อมดีกว่าการปลีกวิเวกรักสันโดษเดินเดี่ยวคนเดียวแน่นอน แต่หากมาพูดถึงการฝึกซ้อมมุ่งมั่นพัฒนาการปั่นให้ดียิ่งขึ้น ทั้งเป้าหมายการแข่งขันเชิงกีฬา การร่วมทริปท้าทายวัดใจ หรือแม้แต่การเอาชนะใจตนเองก้าวสู่เส้นทางที่ยาวไกลขึ้น มุ่งเน้นเผาผลาญส่วนเกินให้ได้มากที่สุด การฝึกซ้อมจักรยานจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อคุณมี "เพื่อนร่วมทาง" ไปด้วยกัน วันนี้ลองมาดูข้อดี 5 ประการของการหาเพื่อนร่วมทางที่เก่งกว่า แข็งแรงกว่า และมีประสพการณ์มากกว่ากัน


1.เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน
เครื่องดื่มบำรุงกำลังยี่ห้อหนึ่งกล่าวเอาไว้ ฟังดูสุดโต่งแต่เป็นเช่นั้นจริงๆ ภาพที่เห็นแผ่นหลังของเพื่อนร่วมทางค่อยๆห่างออกไป จนลับตาก่อนจะเหลือเพียงภาพถนนเวิ้งว้างเบือ้งหน้ากับพื้นถนนที่ผ่านไปมันเป็นรอยแผลลึกที่ปักอยู่ในใจของคนที่คนที่เชื่อว่าต้องเคยผ่านกันมาแล้วทั้งสิ้นไม่ว่ามือใหม่มือเก่า ยันทีมชาติหรือโปรมืออาชีพ รอยแผลนี้จะคอยเป็นแรงบันดาลใจให้การขี่จักรยานของคุณต้องมุ่งไปหาเป้าหมายเบือ้งหน้าให้จงได้ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พยายามยื้อเวลาห้อยตามเพื่อนๆให้ได้นานที่สุด จากระยะทางไม่กี่กิโลเป็นหลายสิบกิโลเมตร ลองถามตัวเองดูดีๆครับว่าตอนนี้คุณกำลังขี่ไล่หลังของเพื่อนคนไหนอยู่

2.ดูดซึม ซึมซับ
"ครูพักลักจำ" เป็นคำเปรียบเปรยที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนาน ในอดีตอำแดงเหมือนนั่งแอบฟังพระสอนหนังสือจนรู้หนังสือได้ ผู้ช่วยพ่อครัวเป็นลูกมือหั่นผักหั่นหมูไม่นานก็เรียนรู็การปรุงอาหารรสเลิศ จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ขี่จักรยานกับคนเก่งๆ เพื่อนร่วมทางที่มีประสพการณ์แล้วคอยเฝ้าสังเกตุเรียนรู้ทุกอย่างที่เค้าทำ จากนั้นนำมาใช้ให้เหมาะกับตัวเราเอง เรื่องบางอย่างอธิบายแล้วเข้าใจยากกว่าได้สังเกตุดูแล้วทำตามเช่นจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ วิธียกน้ำขึ้นดื่ม ท่าขี่ที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้อ่านตำรามาร้อยแปดเล่มแต่ไม่ได้เห้นตัวอย่างก็ยากที่จะเข้าใจได้

3.เพื่อนผิด เป็นครู
การเรียนรู้ที่ดีย่อมศึกษาจากความผิดพลาด รวมกับสี่เท้ายังรู้พลาดปราชญ์เองยังพลั้งได้ เมื่อนำสองคำพังเพยนี้มารวมกัน เราก็จะได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีที่เพื่อนผู็มากประสพการณ์ของเราทำให้ดูว่าอะไรกันนะที่มันไม่เวิร์ค นักปั่นจักรยานไม่ว่าจะเก่าแก่แค่ไหนก็ย่อมมีข้อผิดพลาดได้ทั้งสิ้น อยู๋ที่เพื่อนกับตัวเราจะห่างชั้นกันขนาดไหน เพื่อนที่มีประสพการณ์มากกว่าเราพอดีพเหมาะจะคอยเป็นทั้งกระจกสะท้อนสิ่งที่ดีและแว่นวิเศษแสดงสิ่งที่ไม่ควรทำให้ได้เรียนรู้ก่อนจะถึงคิขของตัวเอง

4.รู้จักของรู้จักแหล่ง
จักรยานเป็นของเล่นที่สนุกกับอุปกรณ์กันอย่างไม่ต้องปฏิเสธ อาการคันหน้าคันหังมาได้เสมอๆ คันแล้วจะไปหาที่ไหน คันแล้วอยากได้อะไร มันเป็นปัญหาคาใจของนักปั่นแทบจะถ้วนทุกคน เพื่อนที่มีประสพการณ์ เพื่อนที่แข็งแรงเก่งกว่าเป็นผู้ชี้ทางที่ชัดเจนที่สุด ใกล้ตัวที่สุด ลองสังเกตุกลุ่มนักปั่นที่มีแกนนำอย่างชัดเจนดูดีๆจะพบว่ากลุ่มจะมี"นิสัย" และ "รูปแบบ" ในการเลือกเล่นกับอุปกรณ์ต่างๆใกล้เคียงกัน และหากท่านได้มีเวลานั่งดื่มด่ำบรรยากาศในร้านจักรยานจะพบว่ากว่าครึ่งของลูกค้าใหม่เดินเข้ามาโดยควงแขนมากับเชียร์แขกส่วนตัว.... เพื่อนนั่นเอง

5.เกิดปัญหา มีทางออก
ตั้งแต่ปัญหาถอดล้อไม่ออก ยางรั่ว ยางแบน สูบยางไม่ได้ เกียร์เสียงดัง เบรคติด เจ็บเป้า เสื้อรัด แว่นบีบหัว หมวกบังตา สายรัดคางแน่นเกินไป รองเท้ากัดนิ้วก้อย ไปจนปัญหาระดับสูงเช่นขี่มา 6 สัปดาห์ความฟิตไม่เพิ่ม ตารางซ้อมไม่ต่อเนื่อง การสปรินท์มีปัญหา จะคัดตัวภาคจะต้องเตรียมอะไรดี ... เพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมก๊วนของคุณที่เก่งกว่าและมีประสพการณ์มากกว่าคือคนที่พร้อมจะช่วยไขปัญหาให้คุณได้ดียิ่งกว่าอากู๋ google หรือเรียกหา"สิริ" มาตอบปัญหาเหล่านี้ ลองถามตัวคุณดูครับว่าครั้งสุดท้ายที่มีปัญหากับตักรยานแล้วหาทางแก้ไม่ได้ มันน่าอัดอั้นขนาดไหน

ลองมองหาเพื่อนร่วมปั่นที่เพียบพร้อบไปด้วยคุณสมบัติและประสพการณ์นะครับ แต่ก่อนอื่นอย่าลืมศึกษาเนื้อหาการปั่นส่วนตัวต่างๆให้ดีเสียก่อน ก่อนจะไปร่วมทางกับใครเค้า เดี๋ยวใจเราอยากจะมีเพื่อนร่วมทางแต่พอไปแล้วเพื่อนๆพากันส่ายหน้าไม่อยากรับมาอยู่ใกล้ๆ กลัวจะเป็นบ่อเกิดดราม่าทุ่มทุนอลังการงานเสียหายหลายแสน

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หมวกกันน็อคจักรยานที่ดีที่สุด


หมวกกันน็อคจักรยานที่ดีที่สุด ไม่ใช่หมวกที่แอโร่ที่สุด ไม่ใช่หมวกที่เบาที่สุด และไม่ต้องหล่อที่สุด แต่ใส่แล้วสบาย เข้ากับทรงของศีรษะและกระชับที่ที่สุด
การเลือกหมวกก็ต้องไปทำการ"ลอง"สวมใส่และดูว่ามันเข้ากับตัวเราแค่ไหน ไอ้ที่ว่ากันว่าดีนักหนา อาจไม่ได้ดีและเหมาะกับทุกคนเสมอไป หัวใครก็หัวมัน(ตามชื่อบทความ) ต้องได้ลองเองจึงจะรู้ได้ แต่วันนี้ลองมาดูวิธีการเลือกหมวกให้โดนใจกันเป็นทริคเล็กๆซัก 4 ประการ

1.ถูกงบถูกเงิน
จากบทความบทที่หนึ่งและสองจะพบว่าหมวกกันน็อคจัรกยานจริงๆแล้วมีความปลอดภัยไม่ได้แตกต่างกันมากนักหากมีการรับรองสัญลักษณ์มาในระดับเดียวกัน สิ่งที่ต่างก็คือ ความสบายในการใช้งาน ความสบายนี้ก็ประกอบไปด้วยความเบา ความเย็นของรูระบายอากาศ ที่รวมๆกันแล้วยังได้หมวกที่แข็งแรงดีอยู่ แถมด้วยปัจจัยยอดฮิตแห่งยุคก็คือแอโร่ไดนามิคส์ที่ดี ใส่แล้วเร็วขึ้นอีก 30 วินาทีโดยไม่ต้องทำอะไร ทั้งหมดนี้แลกมาด้วยราคาค่าตัวที่แตกต่างกัน อย่าน้อยใจที่ไม่สามารถสอยหมวกสุดหรูดูดีมีชาติตระกูลมาได้ แต่ขอให้ทำการบ้านให้หนักว่าหมวกที่คุณต้องการนั้นมัน"ตอบโจมย์"ที่สุดแล้วหรือยังในงบที่กำเงินไป อย่าลืมมองหาแบรนด์ที่อาจจะไม่ได้คุ้นหู ไม่ได้เป็นที่นิยม อย่ากลัวว่าของมันจะไม่ดี เพราะคุณรู้จักตรารับรองคุณภาพแล้ว

2.รูปทรงเข้ากับกระโหลก
กระโหลกคนเราไม่ได้มรูปร่าง รูปทรงที่เหมือนกันไปเสียหมดทุกคน บางคนหัวแบน บางคนหัวทุย บางคนหัวกลม บางคนหัวรี หมวกก็ไม่ได้ออกแบบมาเหมาะกับทุกรูปทรงหัว นักออกแบบแต่ละค่ายพยายามหาทรงที่เข้าที่เข้าทางเป็นมาตรฐานที่สุด แถมด้วยระบบปรับละเอียดรัดต่างๆแล้วแต่ที่แต่ละยี่ห้อจะชูธงวิธีปรับมาอวดอ้างกัน อย่างไรเสีย หมวกก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนไปเสียหมด สายรัดท้ายทอยหรือการปรับความตึงอาจสามารถรัดหมวกให้พอดีกระชับได้ ทว่าในการรับกับทรงนั้นส่งผลไปถึงการระบายอากาศ และการรองรับการกระแทกอีกด้วย ทางเดินอากาศภายในหมวกอาจไม่สามารถส่งลมผ่านเข้าไปได้ตามที่ออกแบบมาเพราะไม่รับกับทรงหัว หรือช่องว่าที่มีอาจกลายเป็นต้นตอของอาการบาดเจ็บเมื่อเกิดการกระแทกขึ้น ดังนั้นหมวกที่ดีและเหมาะจริงๆคือหมวกที่เมื่อวางลงไปบนศีรษะของคุณ หมวกอยู่ได้พอดี รับกับทรงได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ในทางกลับกันหมวกที่ไม่เหมาะคือหมวกที่ไม่ว่าจะปรับอย่างไร ทั้งสายรัดคางและระบบปรับความแน่นแล้วก็ยังไม่พอดีเสียที

3.ใส่กระชับมั่นคง
เมื่อทรงของหมวกเป็นที่ต้องกับทรงของกระโหลก ได้เวลาทดลองรัดสายรัดและปรับความแน่นของหมวกได้ดี ตามทฤษฏีนั้น หมวกควรอยู่ได้อย่างมั่นคงไม่คลอนไปมาแม้เพียงการรัดสายรัดคางเบาๆ การรัดสายรัดคางควรปรับความตึงของสายรัดให้แน่นพอดีที่จะสอดน้ำเข้าไปสองนิ้วระหว่างสายรัดกับคางได้ เพื่อให้สามารถก้มและเงยหน้าได้โดยไม่โดนสายรัดบีบ อย่าลืมปรับรอยต่อสายรัดที่ใต้ใบหูให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ก่อความรำคาญ ท่สำคัญหมวกหลายๆยี่ห้อสามารถปรับสายรัดให้หมวกก้มหรือเงยได้ตามต้องการ จัดให้หมวกอยู๋ในแนวระนายที่ดี ไม่ก้มลงมาจนปิดบังทัศนียภาพ หรือเงยจนเปิดหน้าผากเหม่งเป็นอันตรายเมื่อล้มลงไป สุดท้ายจึงลองหมุนปรับระบปรับละเอียดอีกครั้ง หลายๆคนเข้าใจผิดว่าหมวกอยู่ได้ดีด้วยการหมุนรัดแน่นๆ ซึ่งไม่ดีต่อการระบายอากาศและบีบรัดมากเกินไป หมวกที่ดีอย่างที่อธบิายเอาไว้นั้น เมื่อรดสาย และปรับความตึงพอดี แม้ว่าจะโยกหัวไปมา ส่ายตามเพลงสุดมันส์ก็ยังอยู่คงที่ไม่หล่นเอียงไปเกะกะ

4.หล่อเหลาเข้ากับหน้า
ไหนบทความนี้บอกว่าการเลือกของให้ดูที่ความปลอดภัย การออกแบบ และราคา? แต่ใครจะปฏิเสธได้ครับว่าหมวกที่ทรงภายนอกบานใส่กับคนหน้าเรียว เล็ฏคางแหลมกลายเป็นเห็ดมันช่างดูไม่เหมาะเสียเหลือเกิน หรือพ่อหนุ่มหน้าบาน คางกว้าง แป้นมาแต่ไกลแต่ใส่หมวกหลิมยอดเรียวเล็ก เป็นหัวหอมวางบนเต้าหู้ แบบนีก็ไม่เหมาะ อย่าลืม อย่าลืมนะครับว่าคุณออกไปปั่นจักรยานบนที่สาธารณะ ต่อหน้าผู้คนมากมาย ลองเอากระจกมาส่องดูซักหน่อยว่ามันเข้ากับหน้าตา แว่นกันแดด หรือแม้แต่ชุดปั่นก็ไม่เสียหาย ยิ่งสมัยนี้สาวๆมาปั่นกันเยอะ ตามไสตล์สาวแฟชั่นที่มีรองเท้าสองโหลทั้งๆที่มีเท้าแค่ 2 ข้าง ก็ไม่แปลกเลยที่จะมีหมวก 7-8 ใบทั้งๆที่มีหัวเดียว เพื่อให้เข้ากับชุดที่จะใส่ไปปั่น สุขภาพดี หน้าตาดี อะไรๆก็ดีไปหมด

สุดท้ายขอฝากข้อมูลสำคัญที่หลายๆท่นอาจมองข้าม
จากการออกแบบของหมวกที่อธิบายไปในบทความตอนที่หนึ่ง หมวกที่โครงสร้างเกิดความเสียหายแม้เพียงนิดเดียวอาจเสียคุณสมบัติในการกระจายแรงไปอย่างสิ้นเชิง และแปลว่ามันได้หมดหน้าที่การป้องกันสมองของคุณๆไปเสียแล้ว ดังนั้นหมวกที่ผ่านการล้มมาแล้ว แม้จะไม่แตก ไม่ร้าว ขอให้มันได้กระแทกลงพื้น จงอย่าเสียดายแล้วหาใบใหม่มาใส่เถิดครับ คุณเลือกไม่ได้หรอกว่าคราวหน้าจะเอาหัวส่วนไหนโหม่งพื้น หรือความเสียหายบางอย่างก็มองไม่เห็นจากภายนอก

อีกประการที่สำคัญที่สุด หมวกกันน็อคเหล่านี้มีอายุการใช้งานด้วยนะครับ วัสดุซับแรงเหล่านี้จะเสื่อตัวเองไปเรื่อยๆเมื่อโดนความร้อนเป็นเวลานานๆ แม้ว่าไม่ได้ใช้หรือกระแทกอะไรเลย หมวกยิ่งเก็บไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งเสื่อมลงไปเรื่ือยๆ แม้ว่าหมวกสมัยใหม่จะมีอายุยาวนานกว่าเมื่อก่อนมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงแนะนำให้เปลี่ยนหมวกทุกๆ 10-15 ปี แม้ว่าจะไม่ล้มหรือไม่มีแม้รอยแมวข่วน ลองคำนวนราคาหมวกเผื่อการใช้งานยาวๆเอาไว้ด้วย อย่าคิดว่าซื้อมาใบละหมื่นแล้วมันจะอยู่ไปยันลูกเลื่อ่นตำแหน่งเป็นหัวหน้าสาขาหรือผู็อำนวยการ ไม่มีอะไรที่พ้นอนิจจังไปได้ครับ

5 เหตุผลชวนปั่น


เหตุผลที่ควรออกกำลังกายด้วยจักรยานนั้นเป็นเรื่องที่พูดถึงทั่วไปในกระแสสองล้อมาแรงระยะ 2-3 ปีหลังสุดมานี้ ทำให้นักปั่นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เราขอรวบรวม"ข้อดี"ของจักรยาน ที่ผู็รักการออกกำลังกายต่างลงความเห็นตรงกันว่ามันข่างวิเศษ เพื่อร่วมตอกย้ำให้ทุกท่านที่รักการปั่น จงรีบคว้าจักรยานออกไปขี่กันให้สนุกสนานได้สุขภาพที่ดี และอย่าลืม...ชวนเพื่อนๆมาปั่นกันเยอะนะครับ

1.ไร้แรงกระแทก
ไม่ว่าคุณจะหนัก 50 กก. หรือ 140 กก. จักรยานเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ส่งแรงกระแทกต่อข้อต่อใดๆทั้งสิ้น น้ำหนักตัวไม่มีผลกับการออกกำลังกาย ต่างจากการวิ่งที่ส่งแรงกระแทกเข้าไปที่ข้อต่อช่วงเข่าและข้อเท้า ซึ่งไม่ดีต่อคนที่มีอายุหรือน้ำหนักมากๆ กีฬาอื่นๆเช่นเทนนิส ฟุตบอล แบดมินตัน ก็อยู๋บนพื้นฐานของการวิ่งทั้งสิ้น ส่วนกอล์ฟนั้นไม่เกิดแรงกระแทกก็จริงแต่มีอัตราการเผาผลาญพลังงานต่ำกว่า กีฬาหนึ่งที่ไร้แรงกระแทกได้แก่ว่ายน้ำ ทว่า...คุณต้องเป็นคนที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมไปๆกลับๆได้หลายๆรอบนะครับ

2.ง่ายๆได้ทุกวัน
จักรยานเป็นหึ่งในไม่กี่กิจกรรมที่คุณสามารถทำได้ทุกเมื่อที่ต้องการ หากอยากว่ายน้ำคุณต้องไปสระว่ายน้ำ อยากเล่นเวทต้องไปยิมหรือฟิตเนส อยากเตะฟุตบอลคุณต้องมีที่ว่างโล่ง จักรยานเพียงแค่คุณมีจักรยานและถนนหรือเส้นทางก็สามารถลงมือออกกำลังได้แล้ว อย่าคิดอะไรซับซ้อมถึงงสนามเขียวหรือถนนสวรรค์นักปั่น เพียงขี่จักรยานไปซื้อของแถวบ้าน ก็สามารถเป็นการออกกำลังกายได้หากคุณต้องการ ในการศึกษาที่กรุงโคเปนเฮเก้น เมืองหนึ่งที่มีผู้ใช้จักรยานมากๆพบว่าผู้ที่ใช้จักรยานสัญจรทั่วไประยะางไม่ไกล มีอัตราความเสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วยน้อยกว่าผู้ใช้รถยนต์ถึง 1 ใน 3

3.ต่อเนื่อง
การออกกำลังกายเพื่อความฟิตพื้นฐานที่ดีที่แพทย์และนักวิชาการลงความเห็นคือการออกกำลังกายที่ต่อเนื่อง ราบเรียบและใช้ระยะเวลานานกว่า 30-45 นาที จักยานนอกจากจะปั่นได้ทุกเมื่อ และไร้แรงกระแทก ทุกคนยังสามารถปั่นจักรยานต่อนเื่องได้เรื่อยๆ ลองคิดถึงเส้นทางเลียบชายหากยาวๆ 5 กม. กับจักรยานจ่ายตลาดแม่บ้านสักคัน เพียงแค่ปั่นไปดูปลายหาดแล้วปั่นกลับมา เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ออกกำลังกายราว 30 นาที โดยที่มีการออกแรงที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ แถมรับลมเย็นสบายใจ กีฬาอื่นๆเช่นเทนนิส ฟุตบอล แบดมินตัน อัตราชีพจรจะขึ้นๆลงๆตามรูปเกมส์ที่เล่น แต่จักรยาน"คุณ"คือผู้ควบคุมความเร็ว

4.เข้มข้นได้ดังใจ
ในการออกกำลังกายขั้นสูงขึ้นมาอีกนิด เราต้องเร่งเร้าการออกกำลังไปยังระดับที่ชีพจรเต้นราว 80% ของชีพจรสูงสุด เพื่อให้ได้พัฒนาระบบหมุนเวียนโลหิตสูงสุด มีกีฬาไม่กี่ชนิดหรอกนะครับ ที่คุณสามารถจงใจออกแรงเข้มข้นและคงที่ระยะนั้นเอาไว้ได้ชั่วขณะที่้องการ หรือแม้แต่การออกกำลังกายแบบอินเทอร์วัล(Intervals) ที่เร่งขึ้นไปไ้ด้จนถึงระดับอะแนโรบิค หลายๆท่านที่มีที่ปรึกษาฟิตเนสมักจะแนะนำว่าจักรยานเป็นแค่อุปกรณ์การเบิร์น หากแต่เมื่อคุณได้สัมผัสและปั่นมันเข้าเส้นจริงๆ คุณจะรู็ว่ากีฬาจักรยานนี้ใช้ระบบพลังงาน"ครบ"ทุกย่างการออกแรงเลยทีเดียว

5.ไปด้วยกันไร้ขอบเขต
มีกีฬาอะไรบ้าง ที่ทำให้คุณ"ด้เห็นทุ่งนาสวยงามห่างจากกลางกรุงเพียง 30 นาที มีกีฬาอะไรบ้างที่พาคุณไปยืนชมวิวณยอดเขาสูงเห็นเมืองทั้งเมือง มีกีฬาอะไรบ้างที่ตลอดระยะเวลาการออกกำลังคุณได้พบกับผู้คนและรอยยิ้มไปตลอดทาง จักรยานคือพาหนะโดยตัวของมันเอง มีหน้าที่พาคุณจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งไร้ขอบเขตุอย่างสิ้นเชิง ทุกวินาทีระหว่างจุดทั้งสองคือเรื่องราวที่ไม่จบสิ้น อิสระเสรีของจิตใจวัยเด็กกลับมาเสมอบนจักรยาน ไม่มีกรอบสี่เหลี่ยม ไม่มีมุม ไม่มีประตู ไม่มีเน็ทตาข่าย มีแต่ตัวและใจของคุณกับสองล้อและเส้นทาง เหตุผลง่ายๆเพียงเท่านี้ น่าจะพออธิบายได้ว่าทำไมคนจึงหันมาหลงใหลกับจักรยานมากขึ้นในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายๆคนติดและสนุกกับมันจนเป็นมากกว่าแค่กระแส อย่าปล่อยให้มันผ่านไป โอกาสที่ได้สัมผัสกับักรยานยังไม่หมดหรอกครับ กระแสจะยังอยู๋หรือไม่ก็ตาม อยากให้ทุกคนลองเอาสองล้อมาขี่เล่น นึกย้อนไปหาอิสระเสรี ฝ่าลมไปด้านหน้าด้วยกันกับพาหนะคันแรกๆของหลายๆคนอีกครั้ง สลัดคราบพนักงาน ลูกจ้าง เจ้าของ นักธุรกิจ ลุกจากโต๊ะ เย็นนี้ เสาร์นี้ อาทิตย์นี้ ออกเดินทางไปด้วยกัน

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

ถอดล้อจอดรถ

ทำไมต้องถอดล้อ?? ผมเชื่อว่าที่หลายๆคนไม่ได้สนใจว่ามันจะถอดอย่างไรก็เพราะไม่รู็จะถอดมันมาทำไม แต่การถอดล้อหน้าและหลัง คือก้าวแรกที่ท่านกำลังจะกลายเป็นนักปั่นที่รักจักรยานจริงๆ เพราะเมื่อท่านถอดล้อได้เอง ท่านจะล้างจักรยานได้สะอาดขึ้น เข้าถึงซอกมุมได้มากขึ้น ท่านจะได้เห็นรอยเลอะและกลไกต่างๆชัดเจนขึ้น ที่สำคัญเมื่อยางรั่ว ท่านสามารถพอดงัดยางได้ง่ายขึ้นถ้าถอดล้อออกมาได้ แค่ก่อนจะถอดล้อเป็นเรามาดูวิธีการจอดรถที่ควรฝึกเป็นนิสัยกันกน่อ
เกียร์จักรยานทั่วไปไม่ว่าเสือหมอบหรือเสือภูเขา ในระบบการเปลี่ยนเกียร์ทั้งหน้าและหลัง(สับจานและตีนผี)จะมีสปริงโลหะทำหน้าที่ดึงการเคลื่อนไหวเอาไว้อยู่ ยิ่งเราเอาโซ่วิ่งบนเฟืองใหญ่และจานใหญ่ ก็คือการง้างสรปิงนั้นเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อเอาเข้าเฟืองเล็กสุด สปริงจะหดตัวกลับมาในสภาพดั้งเดิมไม่มีแรงเครียด ดังนั้นวิธีการจอดจักรยานเก็บที่ดีที่สุดคือการลดแรงตึงในสปริงลง เข้าเฟืองหลังเอาไว้ที่เฟืองเล็กสุด และจานหน้าใบเล็กที่สุด สปริงของอุปกรณ์ท่านก็จะมีอายุการใช้งานยาวนาน
และที่เฟืองหลังนี้เอง คือทริคเล็กๆในการถอดล้อหลัง
แต่ยังหรอกครับเรามาหัดถอดล้อหน้ากันก่อนดีกว่า
วิธีการถอดล้อนั้นขั้นแรกที่สุด เราต้องทำการ"ง้าง"ก้ามเบรคออกเสียก่อน สำหรับ Shimano และ Sram เอามือไปหมุนลูกบิดอ้าก้ามเบรคให้กว้างขึ้น ถ้าเป็น Campagnolo เอามือกดสลักที่มือชิฟเตอร์ และหากเ)็นเบรคแบบอื่นๆเช่นวีเบรค ก็ปลอดสายเบรคออกจากตัวล็อคสายเบรค เบรคก็จะอ้าออกกว้างพอที่จะให้ยางผ่านไปได้
จากนั้น เอามือหมุนปลดสลักแกนปลดแล้วคลายน็อตที่ยึดออกพอประมาณ อย่าหมุนจนหลุดนะครับ เดี๋ยวสปริงมันจะหลุดหาย ถ้าหมุนออกมาแล้วจนคลายล็อค ก็จะดึงล้อออกได้โดยไม่ต้องใช้แรง เพียงเท่านี้ล้อหน้าก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
ต่อมาคือล้อหลัง หลังจากที่เข้าเกียร์ไปที่เฟืองเล็กสุด อ้าก้ามเบรคแล้ว ก็คลายล็อคแกนปลด หมุนคลายแกนปลดออก จากนั้นยกเฟรมดึงขึ้นถอยหลังนิดหน่อย ล้อก็จะหลุดออกมาโดยง่าย ไม่ต้องเอามือไปจับโซ่เลย อย่างมากหากดึงไม่ออกจริงๆ ลองเอามือง้างขาตีนผีนิดหน่อยแล้วดึงเฟรมขึ้นเบาๆ ล้อก็หลุดแล้วครับ ปัญหาที่ถอดกันไม่ออกก็คือ ไม่ได้เข้าเกียร์ไว้ที่เฟืองเล็กสุด ตีนผีมันง้างตัวเองอยู่ โซ่มันรัดล้ออยู่ ดึงออกยาก ติดแนวตีนผี พอเราเอาไปอยู๋เฟืองเล็กสุด โซ่มันพาดเข้าล็อคอยู๋ ตีนผีหดตัวกลับและเบี่ยงตัวเองหลบแนวที่ดึงล้อออก
เวลาไม่มีล้อ อย่าวางจักรยานลงไปบนตีผีนะครับ ตีนผีเป็นส่วนที่อ่อนแอมากของรถ เบี้ยวนิดเียวเกียร์เพียร์แหลกได้เลย วางนอนลงไปเลยเบาๆดีที่สุด หรือจะจับวางตั้งเอาหัวลงบนปลายตะเกียบกับมือเบรคเอาตีนผีชูฟ้าพิงเอาไรไว้ก็ได้แต่อาจมีรอยที่มือก้านเบรค หรือจะวางกลับหัวเอาเบาะกับแฮนด์ลงพื้น แต่วิธีนี้ โซ่อาจหลุดออกมาจากจานได้ แถมโซ่อาจพลิกจนต้องมาแกะข้อโซ่ที่พันกันได้อีก (ผมจึงคิดว่าวางนอนไปดื้อๆนั่นแหละ)
เอาล่ะครับ ต่อมาคือการใส่ล้อกลับเข้าไป เราต้องเริ่มจากล้อหลังก่อนเสมอ
จับตักรยานแนวตั้งตรงปกติ เอาล้อเล็งเข้าช่องซุ้มล้อ ให้เข้าไปที่ก้ามเบรคพอดี เล็งพาดให้โซ่อยู๋บนเฟืองเล็กสุดพอดีเป๊ะ ดึงล้อเข้ามาที่หางปลาหลัง จากนั้นดึงล้ำขึ้นหรือเข้าหาเฟรม ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ล้อจะเข้าล็อคพอดีเป๊ะ แกนปลดสองข้างเข้าที่ เฟืองและโซ่เข้าที่ แต่ถ้าเบี้ยวไปอาจเกิดอาการล้อติดก้ามเบรค หรือล้อเบียดเฟรม ก็ถอดออกแล้วเล็งใหม่ บางกรณีอาจพบว่าตีนผีแข็งมาก วิธีช่วยก็คือ ดึงล้อเข้าหาเฟรมพร้อมๆกับเอามือง้างขาตีนผีลงล่างไปพร้อมกัน โซ่จะเข้าล็อคเฟืองได้ง่ายขึ้น
จากนั้น วางลงพื้นแนวตั้ง ให้น้ำหนักรถกดลงบนแกนล้อ แล้วขันแกนปลดเข้าพอตึงมือแล้วล็อคหางแกนปลดเอาไว้ แล้วปิดก้ามเบรคเข้าที่เดิม ลองหมุนบันไดดู ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ก็จะไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาที่อาจเกิดเช่น

1.ใส่แล้วล้อเบี้ยวไปสีก้ามเบรค วิธีแก้คือ คลายแกนปลดออก วางรถลงพื้น เอามือบีบเบรคหลังให้แน่น แล้วล็อคแกนปลดโดยไม่คลายเบรค แล้วลองหมุนล้อดูอีกครั้งว่าสีผ้าเบรคอยู่หรือไม่

2.เฟืองล็อคล้อล็อคไม่หมุน แสดงว่าโซ่ไม่เข้าที่เฟืองเล็กเกิดขบกันอยู่ ให้ถอดล้อแล้วใส่ใหม่ ทำเองครั้งแรกๆมักจะเป็นครับ เพราะแนวล้อและโซ่ไม่ตรงกัน

3.ใส่อย่างไรก็เบี้ยว ปัญหามักมาจากการหงายรถขึ้นฟ้าแล้วใส่ล้อ เวลาหงายรถขึ้นฟ้า น้ำหนักรถไม่ได้ตกลงบนแกนล้อ ทำให้ล้อเบี้ยวไปมาได้ง่าย ดังนั้นการใส่ล้อที่ดีคือการใส่ล้อโดยให้น้ำหนักเฟรมรถกดลงบนแกนล็อคแล้วล็อคให้แน่น ล้อจะเข้าล็อคสุดไม่เหลื่อมและไม่เบี้ยว
ต่อมาก็ใส่ล้อหน้า ซึ่งง่ายมากเมื่อเทียบกับล้อหลัง..เพียงเอาล้อมา ดูให้แกนปลดอยู๋ด้านซ้ายของรถ วางตะเกียบลงบนล้อให้พอดี ขันแกนปลดให้ตึงมือแล้วปิดล็อค ปิดก้ามเบรคลง ลองหมุนดู เป็นอันเสร็จสิ้นครับ

สรุป
- จอดรถทุกครั้ง เข้าจานเล็ก เฟืองเล็กเก็บเอาไว้ดีกว่า เข้าเฟืองเล็กทุกครั้งเวลาจะจอดเปลี่ยนล้อหลัง ถอดได้ง่ายกว่า
- ถอดล้อหลัง ต้องอยู๋ที่เฟลืองเล็กสุด ถอดและใส่โดยให้โซ่อยู๋ตรงกับเฟืองเล็กสุดเสมอ มือจะไม่ต้องไปจับโซ่เลย